โรคหัดสุนัขเกิดจากการติดเชื้อไวรัสชื่อ Canine distemper virus โดยการสัมผัสโดยตรงกับเชื้อที่อยู่ในสิ่งคัดหลั่งของสัตว์ป่วย ส่วนใหญ่ผ่านทางการหายใจ การติดโดยทางอ้อมจากการใช้อุปกรณ์ร่วมกันไม่ค่อยพบเพราะไวรัสไม่สามารถอยู่ได้นานในสิ่งแวดล้อม แต่ในสัตว์ที่ป่วยสามารถแพร่กระจายโรคได้หลายสัปดาห์หลังจากหายแล้ว

ความเสี่ยง  มักเกิดในสุนัขที่อายุน้อยกว่าสี่เดือนก่อนที่วัคซีนจะสร้างภูมิคุ้มกันได้เต็มที่ และสุนัขที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน โรคหัดสุนัขสามารถเกิดได้ในสัตว์หลายชนิดไม่ใช่แต่ในสุนัข เช่นในสัตว์ป่า ที่อยู่ในตระกูลเดียวกับสุนัข

 ลักษณะอาการและพยาธิสภาพ  โรคนี้ก่อให้เกิดพยาธิสภาพได้หลายอวัยวะ ได้แก่ ระบบทางเดินอาหาร ระบบทางเดินหายใจ ระบบประสาทและไขสันหลัง จะแสดงอาการตั้งแต่ป่วยเล็กน้อยจนกระทั่งตายได้  อาการที่สามารถพบได้บ่อยในโรคนี้คือ

1.       เป็นไข้ สองถึงสามวันหลังการติดเชื้อ ซึ่งอาจจะสังเกตไม่เห็น หลังจากนั้นอาการไข้จะแสดงให้เห็นได้

2.       มีน้ำมูก น้ำตา

3.       ไม่อยากอาหาร

4.       ซูบผอม

5.       อาเจียน และท้องเสีย

6.       หายใจลำบาก

7.       ฝ่าเท้าและจมูกแห้งแข็ง

8.       ตาอักเสบ

9.       ติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อน

10.   อาการทางสมอง

เห็นไหมละค่ะว่าเป็นโรคนี้แล้วแสดงอาการมากมายหลายอย่างเชียว พอให้ได้เจ้าของกลุ้มใจกันแหละค่ะ แต่เอาเข้าจริงๆ เวลามาหาหมอส่วนใหญ่ น้องหมาก็เกือบเข้าสู่ระยะสุดท้ายแล้ว เริ่มแสดงอาการทางสมอง ซึ่งเป็นจุดที่เจ้าของมักจะทนไม่ค่อยได้ อาการทางสมองที่แสดงหากเป็นโรคหัดสุนัขคือ

1.       กล้ามเนื้อกระตุก

2.       อ่อนแรง หรือ เป็นอัมพาต

3.       ชักกระตุกทุกส่วนของร่างกาย และการชักกระตุกแบบเคี้ยวฟันเป็นลักษณะเฉพาะของโรคนี้

4.       เดินไม่ค่อยคล่อง

5.       ไวต่อการสัมผัส และความเจ็บปวด

หากสงสัยว่าเป็นโรคหัดทำอย่างไรดี  แนะนำพาไปหาสัตวแพทย์โดยด่วนค่ะ วิธีพื้นฐานในการวินิจฉัยเริ่มจากการซักประวัติทั่วไป การทำวัคซีน อาการป่วย และการใช้ชุดทดสอบที่เฉพาะเจาะจงต่อโรค 

การใช้ชุดทดสอบโรคหัดสุนัข เป็นการตรวจเชื้อ หรือ แอนติเจน ต่อ Canine distemper virus ในน้ำตาล น้ำลาย น้ำมูก น้ำลาย และปัสสาวะ ซึ่งต้องดำเนินการโดยสัตวแพทย์เท่านั้น

เป็นแล้วจะรักษาอย่างไร  ไม่มีการรักษาที่เฉพาะ เป็นการรักษาตามอาการที่เกิดขึ้นกับแต่ละระบบ และรักษาอาการติดเชื้อซ้ำซ้อน ได้แก่

1.       การให้สารน้ำ เพื่อรักษาภาวะขาดน้ำ

2.       การให้ยาลดการอาเจียน

3.       การให้ยาปฏิชีวนะ และอื่นๆ เพื่อรักษาภาวะปอดบวม และลดการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อน

4.       ยากันชัก

อย่างไรก็ตามถึงแม้จะทำการรักษาก็อาจมีบางตัวที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษา ทำให้มีโอกาสตายได้  ตัวที่ตอบสนองต่อการรักษาจะหาย แต่ก็อาจหลงเหลืออาการทางสมองอยู่

การป้องกันโรคทำอย่างไรดี   การทำวัคซีนเป็นวิธีการที่ดีที่สุด โดยเริ่มทำวัคซีนครั้งแรกอายุ 2 เดือน กระตุ้นหลังจากเข็มแรก ประมาณ 2-4 สัปดาห์ โดยให้ทำวัคซีนทุกชนิดที่จำเป็นในสุนัขเสร็จเมื่ออายุประมาณ 4-6เดือน และให้กระตุ้นวัคซีนปีละครั้ง ระหว่างที่ลูกสุนัขยังทำวัคซีนไม่ครบ แนะนำให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสเชื้อโรคให้มากที่สุด

 หากที่บ้านมีสุนัขที่สงสัยว่าจะเป็นโรคหัดละทำอย่างไรดี

          แนะนำให้ขังสุนัขที่สงสัยแยกจากสุนัขตัวอื่นๆ ในบ้าน (หากมี) และให้พาสุนัขทุกตัวในบ้านไปฉีดวัคซีน (หากไม่เคยฉีด) เนื่องจากไวรัสตัวนี้ไม่ทนในสิ่งแวดล้อมนอกตัวสัตว์ ดังนั้นการล้างบริเวณบ้านด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อก็เป็นวิธีที่ดีทีสุดในการทำลายเชื้อ  และควรปรึกษสัตวแพทย์หากต้องการนำสุนัขใหม่เข้าบ้านที่เคยมีประวัติสุนัขเป็นโรคหัด

พร้อมกันนี้ก็ขอแนบวีดีโอสัตว์ป่วยจริง ที่แสดงอาการทางประสาทอย่างชัดเจนค่ะ และสุดท้ายขอแนะนำเจ้าของสุนัขทุกท่านว่าอย่าประหยัดกับค่าวัคซีนนะค่ะ เพราะท่านจะจ่ายมากกว่าหากสุนัขของท่านป่วยด้วยโรคหัดสุนัข สัตวแพทย์ไม่ได้จะรีดเงิน แต่เนื่องจากการรักษาต้องทำหลายๆ ด้าน ใช้ยาหลายๆ ชนิด

หวังว่าบทความนี้ให้ความรู้แก่ผู้เลี้ยงสัตว์ทุกท่านและ สร้างความตระหนักต่อการทำวัคซีนในสัตว์เลี้ยง

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *